เรื่อง : ขาว-ดำ    ภาพ: ชานไม้ชายเขา

 

หนุ่มวัย 44 ปี รูปร่างสันทัด ผมตัดสั้นเกรียน มีตำแหน่ง ‘รองศาสตราจารย์’ และคำนำหน้า ‘ดอกเตอร์’ อย่างเป็นทางการ ทว่าในชีวิตส่วนตัวหรือโลกออนไลน์ เขาคือบลอกเกอร์ ที่ใช้ชื่อบลอกอันเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่า ‘ชานไม้ชายเขา’

picture-5

รศ. ดร.กิตติ อัตถกิจมงคล มีพื้นเพเป็นชาวอำเภอละงู จังหวัดสตูล ใช้ชีวิตวัยเด็กที่บ้านเกิดจนถึง ป.4 ก่อนจะโยกย้ายไปเรียนที่จังหวัดอื่นของภาคใต้ กระทั่งมาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จากนั้นสอบทุนได้ไปเรียนต่อปริญญาโท 2 ปี และปริญญาเอก 3 ปีที่มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ ในรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาทำงานใช้ทุนคืน โดยเป็นอาจารย์ที่ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

กิตติเป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวพี่น้องสามคน ช่วงวัยเด็กเขาถูกปลูกฝังให้เรียนหมอ เขาบอก “เพราะหมอเรียนยาก จบแล้วทำงานรายได้ดี แต่พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อยก็เลิกคิดที่จะเป็นหมอ” ทั้งที่การเรียนของเขาอยู่ในระดับท็อปของชั้น

“ผมเป็นโปลิโอมาตั้งแต่เด็ก” กิตติพูดเล่าถึงขาข้างซ้าย “เพราะว่าตอนนั้นบ้านของผมอยู่ห่างจากชุมชน พ่อเล่าให้ฟังว่าพอถึงเวลาไปฉีดวัคซีนป้องกันโปลิโอ เราต้องเดินทางค่อนข้างไกลเพื่อไปโรงพยาบาล แต่พอไปถึงผมไม่สบาย ก็ฉีดไม่ได้ พ่อเลยพากลับ หลังจากนั้นก็ลืมๆ เรื่องฉีดวัคซีนไป ตอนอายุขวบหนึ่งผมก็เริ่มเป็น ตอนนั้นเป็นหนักกว่าตอนนี้อีกนะครับ ตอนนั้นผมต้องเดินเอาหลังเท้าลง แต่ตอนอายุสักเจ็ด-แปดขวบพ่อก็พาไปโรงพยาบาล ก็ดีขึ้นมาหน่อย

kitti2

“จะว่าเป็นอุปสรรคกับชีวิตก็เป็นนะครับ เวลาผมจะเดินทางไปไหนไกลๆ อย่างไปต่างประเทศ ซึ่งต้องเดินเยอะ ผมก็เดินเยอะไม่ได้ ต้องขอเลี่ยงทริปที่ต้องเดินเยอะๆ อย่างภูเขาหรือบันได ผมจะเลี่ยงไป แต่การใช้ชีวิตประจำวันผมไม่ค่อยมีอุปสรรคอะไรมาก แค่เลี่ยงในสิ่งที่ผมไม่สามารถทำได้แค่นั้นเอง ทริปไหนที่ต้องขึ้นบันไดหรือเดินเยอะๆ ผมก็ไม่ไป

“ตอนเด็กๆ พ่อกับแม่บอกผมเสมอว่าเราไม่เหมือนคนอื่น ฉะนั้นผมต้องขยันเรียน ต้องเอาเรื่องเรียนมาเป็นจุดเด่นให้ได้ เวลาทำอะไรผมก็เลยต้องทำให้เต็มที่”

กิตติเริ่มรับราชการเป็นอาจารย์สอนหนังสือมาตั้งแต่ปี 2542 “สิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนี้ใช้ทุนหมดแล้ว จะไปไหนก็ได้” เขาบอกพลางหัวเราะ

ส่วนการถ่ายภาพ เขาเริ่มเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว “ตอนไปเที่ยว พอเริ่มถ่ายแล้วเริ่มชอบ ผมเริ่มถ่ายรูปรีสอร์ตแถวๆ วังน้ำเขียว เขาใหญ่ใกล้ๆ นั่นละครับ ถ่ายเสร็จแล้วก็มารีวิว ชอบก็เลยทำมาเรื่อยๆ ความจริงตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายรูปหรอกนะครับ ผมอ่านในพันทิปอยู่ก่อน เห็นว่ามันสนุกดีก็เลยคิดอยากทำบ้าง ถ่ายรูปไป รีวิวไป แล้วคนก็มาอ่านติดตาม”

picture-7

ระหว่างที่เขียนรีวิวไปสักพัก ผลงานเรื่องและรูปที่เขาโพสต์ลงในพันทิปเริ่มค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เขาจึงมีความคิดจะทำที่เก็บสะสม เลยเป็นที่มาของบลอก ‘ชานไม้ชายเขา’ และเริ่มทำเป็นนิตยสารออนไลน์ ซึ่งจวบจนวันนี้ครบเก้าปี และกำลังขึ้นปีที่สิบแล้ว

“ตอนที่เริ่มทำบลอก ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นรายเดือน แต่ทุกเล่มผมเขียนไว้ว่าประจำเดือนนั้นเดือนนี้ บางเดือนมีสองเล่ม บางเดือนอาจจะไม่มีเลย แล้วแต่เวลาว่างที่ผมมี ถ้ายุ่งมากก็ไม่ได้ทำ”

ผลงานในบลอกส่วนใหญ่กิตติมักรีวิวโรงแรม แต่บางครั้งก็พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวบ้าง “แต่หลักๆ แล้วจะเขียนถึงโรงแรม นับถึงตอนนี้ประมาณหลักร้อยแล้วครับ โรงแรมบางแห่งผมรีวิวซ้ำก็มี บางแห่งไปแล้วไม่ได้รีวิวก็มี เพราะไม่ชอบ”

การเขียนรีวิวและลงรูปประกอบ เริ่มแรกเขาต้องใช้งบประมาณของตัวเอง ด้วยความชอบ

“เริ่มจากไปพักโรงแรมที่ราคาไม่สูงมาก ไปพักผ่อน ถ่ายรูป หลังๆ พอเริ่มมีคนติดตามเยอะ โรงแรมก็เริ่มเชิญไปรีวิวในแต่ละเดือนผมเดินทางประมาณสองทริป ผมกะไว้ว่าจะไม่ไปเยอะเกิน เพราะเดี๋ยวจะกระทบงานประจำ”

picture-2

picture-6

กล้องที่กิตติใช้อยู่มีตัวเดียวคือ Canon 5D Mark II พร้อมเลนส์อีก 2-3 ตัว นอกจากนี้ ปัจจุบันเขามีโดรนเป็นอุปกรณ์เพิ่มเข้ามาด้วย

“ระยะหลังมานี้ผมเริ่มหาอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเริ่มชินกับกล้องถ่ายภาพทั่วไป โดรนมันให้มุมมองที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน อีกอย่างมันเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กแล้วที่เคยอยากได้เครื่องบินบังคับ แต่ไม่เคยได้เล่น พอได้เจอของสองอย่างในตัวเดียวกัน ทั้งได้เล่นเครื่องบินบังคับและถ่ายรูปด้วย ก็เลยสนุกมาก ตอนนี้ผมติดโดรนมากกว่ากล้องอีก (หัวเราะ)

“ผมใช้โดรนกับโทรศัพท์มือถือในการถ่ายภาพ ภาพที่โดรนเห็นเราจะเห็นได้ทางจอมือถือ เวลาถ่ายวิดีโอก็เหมือนกันเราสามารถมองจากมือถือได้เลย แต่การปรับภาพยังเป็นระดับพื้นฐานอยู่ โดรนมีเลนซ์ฟิกซ์อยู่เพียงตัวเดียว ไม่สามารถปรับความละเอียดได้ ต้องใช้การเคลื่อนไหวเข้าช่วยเวลาต้องการซูมภาพ”

เมื่อถามความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับการถ่ายภาพ กิตติพูดตอบแบบไม่ต้องชั่งใจ “ผมไม่ได้คิดอะไรนะครับ เพราะตอนเริ่มถ่ายผมก็มีงานประจำอยู่แล้ว และไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นช่างภาพอาชีพ เวลาผมไปเจอสถานที่ที่ผมชอบ เช่นรีสอร์ตสวยๆ หรือสถานที่มีวิวดีๆ พอผมได้จับกล้องถ่ายรูปแล้วผมจะลืมทุกอย่างเลย มีความสุข บางทีลืมหิวข้าวไปเลยด้วย (หัวเราะ)

“การถ่ายภาพเป็นกิจกรรมที่ผมทำแล้วมีความสุข ทั้งมีความสุขที่ได้ทำ และมีความสุขที่ได้ถ่ายทอดภาพเหล่านั้นให้คนอื่นได้เห็นด้วย ความจริงมันสามารถทำเป็นอาชีพได้นะครับ บลอกเกอร์หลายคนที่ผมรู้จักถึงกับลาออกจากงานประจำมารับจ้างถ่ายรูป แต่ผมไม่คิดถึงขั้นนั้น เพราะวันนี้ผมมีความสุขกับการถ่ายรูป โดยที่มีงานประจำที่ก็ชอบทำอยู่ ผมเลยไม่ต้องรู้สึกกดดันอะไร ไม่ต้องกดดันว่าจะต้องมีคนมาจ้าง หรือถ่ายรูปตามความต้องการของลูกค้า จนลืมแนวทางการถ่ายภาพของตัวเอง

 

กิตติอธิบายถึงขั้นตอนการถ่ายภาพโรงแรมที่พัก “ผมดูช่วงเวลาที่จะถ่ายมากกว่า อย่างเวลาไปรีสอร์ต ผมต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพราะรอแสงทไวไลท์ตอนเช้า และตอนเย็นก็ต้องรอจนพระอาทิตย์ตก เพื่อรอแสงทไวไลท์ตอนเย็น ซึ่งจะเป็นแสงที่สวยมากสำหรับการถ่ายภาพสถาปัตย์หรืออินทีเรียร์ ต้องรอจังหวะแสง

“เวลาผมไปตามสถานที่ต่างๆ ผมจะลองสำรวจดูก่อนว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางไหน ตกทางไหน ตรงไหนที่มองเห็นวิวสวยๆ ห้องพักตรงไหนเห็นวิวสวย แล้วเล็งเอาว่าตรงไหนเหมาะที่จะถ่ายตอนเช้า ตรงไหนเหมาะที่จะถ่ายตอนเย็น หรือตรงไหนจะถ่ายกลางวัน ตรงไหนจะถ่ายกลางคืน ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า”

picture-4

picture-9

พูดถึงเรื่องเทคนิกการแต่งภาพ กิตติยอมรับว่าใช้ทุกภาพ “แต่จริงๆ แล้วหลักการของผมก็คือ ผมพยายามเอาภาพหลังกล้องให้สมบูรณ์ที่สุดก่อน ให้มีการแต่งภาพน้อยที่สุด ฉะนั้นการรอจังหวะแสงจึงสำคัญมาก เราต้องรู้ว่าแสงช่วงไหนถ่ายภาพได้สวย ช่วงไหนเราควรจะไปนอนเล่นพักผ่อน พอเราได้แสงที่ต้องการแล้ว การแต่งภาพจะมีส่วนตอนท้ายเพียงนิดเดียว ผมแต่งไม่เยอะครับ ภาพหนึ่งใช้เวลาแค่สอง-สามนาที ปรับสี ปรับความสว่างเท่านั้นเอง”

ส่วนความยาก-ง่ายของการทำงานรีวิว เขาบอกว่าบางครั้งไม่เกี่ยวกับสถานที่ หากแต่อยู่ที่อากาศมากกว่า “ช่างภาพทุกคนผมว่าต้องอยากเจอฟ้าใสๆ แดดดีๆ เป็นบรรยกาศในฝัน แต่บางครั้งไปถึงที่แล้วอากาศไม่เป็นใจ ฝนตกตั้งแต่ลงจากเครื่อง จนกระทั่งเช็คเอาต์ฝนก็ยังไม่หยุดตก อย่างนั้นจะเป็นโจทย์ยากมาก เพราะเราแทบจะถ่ายเอาต์ดอร์ไม่ได้เลย ต้องถ่ายภาพอินดอร์ และพยายามหามุมที่สามารถถ่ายให้สวยได้ แต่มันก็ท้าทาย

“แต่ก็มีบ้างที่สถานที่บางแห่งไม่สวยเหมือนที่เราคาดหวัง แต่เราสามารถหามุมถ่ายให้มันดูดีได้ จริงๆ เรื่องสถานที่ผมไม่ค่อยซีเรียสเท่าสภาพอากาศ”

การบ้านที่เขาต้องทำก่อนไปทริป อย่างแรกคือ เลือกสถานที่ว่าจะไปที่ไหน พยายามเลือกสถานที่ที่ตัวเองชอบ อย่างที่สอง ต้องไปดูรีวิวของคนอื่นว่าใครเคยถ่ายตรงไหนบ้าง เพื่อที่เขาจะได้ไปตรงจุดนั้นจุดนี้ เป็นการเตรียมตัวไว้ก่อน และอาจจะดูพยากรณ์อากาศบ้าง ซึ่งแม้จะไม่ค่อยแน่นอน เขาว่า แต่ก็ต้องดู

picture-11

picture-3

เรื่องการเขียน เขาบอกว่า “ผมก็เขียนสไตล์ผม คือเล่าในสิ่งที่เห็น และบอกจุดเด่นจุดด้อยของสถานที่ต่างๆ พยายามใส่ข้อมูลเหมือนบลอกรีวิวอื่นๆ เช่นว่า ไปที่นี่ต้องพักห้องไหน ต้องกินอะไร ผมเขียนสั้นๆ เล่าพร้อมภาพเป็นช็อตๆ แล้วสรุปตอนท้ายว่าที่นี่ดีอย่างไร”

แล้วกิตติมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับบลอกเกอร์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ค่อนข้างเยอะ เขาให้คำตอบว่า “ผมเห็นบางคนเขาทำเป็นงานอดิเรก แต่หลายคนก็ทำเป็นอาชีพ สามารถรับงาน ได้เงินค่าจ้าง ก็ถืออีกงานหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ได้

“พูดถึงมาตรฐานของบลอกเกอร์ จริงๆ แล้วไม่มีหรอกครับ มันเป็นความพอใจของคนทำบลอกเองกับคนที่มาติดต่อมากกว่า ถ้าติดต่อแล้วเขาพอใจ เขาก็จะมาติดต่ออีกเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่พอใจเขาก็เลิกจ้าง บลอกเกอร์ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ และต้องทำความน่าเชื่อถือ รักษาเวลา รักษาคุณภาพงาน

“มันเป็นงานที่ต้องติดต่อกับคนอื่นตลอดเวลา ความน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องจำเป็น”

picture-8

‘ชานไม้ชายเขา’ เป็นชื่อที่ได้จากเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขา และเป็นเพื่อนผู้ชักนำเขาเข้าสู่วงการศิลปะการออกแบบตกแต่งอาคารและการถ่ายภาพ ปั

จจุบันบลอกชานไม้ชายเขา มีจำนวนผู้อ่านตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น มากน้อยขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เขาแนะนำ ส่วนเว็บเพจในเฟซบุ๊กมียอดไลค์อยู่ที่ 3 แสนเศษ #ชานไม้ชายเขา #resortreview #นครราชสีมา

Facebook Comments Box